เมื่อไปถึงที่ ซ.ที่เกิดเหตุอาสาสมัครต้องเดินเท้าเขาไปอีกประมาณ500เมตรซึ่งเป็นสะพานปูนเล็กๆรถไม่สามารถเข้าได้จนพบบ้านที่เกิดเหตุไม่ทราบบ้านเลขที่ซึ่งเป็นบ้าน2ชั้น อาสาสมัครจึงได้ปีนขึ้นชั้น2โดดเข้าทางหน้าต่างเนื่องจากชั้นล่างน้ำท่วมเข้าไม่ได้อสาสมัครต้องใช่ความระมัดระวังเป็นอย่างมากเนื่องจากต้องเหยีบกระเบื้องหลังคาขึ้นไปและบ้านดังกล่าวโดนตัดไฟจึงทำให้มืดมาก
เมื่อปีนหน้าต่างเขาไปก็พบเห็นศพชายอายุประมาณ45-50ไม่ทราบชื่อผูกคอโดยใช่เชือกไนร่อนผูกอยู่ที่เขื่อกลางบ้านโดยมีเก้าอี้ล้มอยู่ที่เท้าคาดว่าผู้ตายน่าจะใช่ในการผูกเชือกกับเขื่อแล้วทิ้งตัวลงมา
จากสอบถามทราบว่าผู้ตายพักอาศัยอยู่ตามลำพังโดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายและเพื่อนบ้านได้ยื่นคุยกันและพูดถึงเรื่องบ้านผู้ตายที่โดนตัดไฟและไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกันต่อและผู้ตายก็พูดขึ้นว่ากูจะไปผูกคอและจะมาหามึงคนแรกโดยพูดกับคนที่ยื่นคุยด้วยและได้หายขึ้นไปบนบ้านและไม่นานเพื่อนบ้านก็ได้ยินเสียงอะไรไม่รู้ล้มที่บ้านดังกล่าวเพื่อนบ้านจึงได้ไปเรียกถามผู้ตายแต่ก็ไม่เสียงตอบจึงปีนขึ้นไปดูและพบว่าผู้ตายได้ผูกคอจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
จากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าคงจะเป็นเรื่องที่บ้านถูกตัดไฟแล้วโดนเพื่อนบ้านแซวลยทำให้คิดสั้นผูกคอตายดังกล่าวจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการนำศพส่งสถาบันนิติเวชต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น